
13.03 @ 11:07
By The Market Research Team
ปรากฏการณ์ “หุ้นและค่าเงิน” ที่พุ่งขึ้นทางตะวันออกและชะลอลงทางตะวันตก
ผู้เขียน: Channel – หัวหน้านักวิเคราะห์การตลาดภาษาจีนแห่ง FXTM
13 มีนาคม 2025
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกเพียงครึ่งเดือน ไตรมาสแรกของปี 2025 ก็จะสิ้นสุดลง ในช่วงไตรมาสนี้ ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด โดยสรุปคือ “ตะวันออกพุ่งขึ้น ตะวันตกอ่อนลง” ในตลาดหุ้น ดัชนีหุ้นในเขตจีนใหญ่ (Greater China) โดยเฉพาะ A-share และตลาดหุ้นฮ่องกง ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งปรับตัวขึ้นถึง 17.6% ในเวลาไม่ถึงสองเดือน ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก (Nasdaq) ของสหรัฐ ซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีเป็นหลัก กลับปรับตัวลดลงใกล้เคียง 10%
ปรากฏการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USD Index) ที่เคยแตะจุดสูงสุดที่ 109.80 ในเดือนกุมภาพันธ์ ได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และในเดือนมีนาคมก็ลงมาถึงระดับ 103 ในทางกลับกัน เงินหยวนจีนสกุลนอกประเทศ (Offshore RMB) กลับแข็งค่าขึ้น 1.8% และเงินเยนญี่ปุ่นยิ่งแข็งค่ามากขึ้นอีก 6.2% ถึงขั้นแตะระดับ 146 ได้ช่วงหนึ่ง
นโยบายภาษีศุลกากรไม่แน่นอน บั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาด
ตามทฤษฎีแล้ว นโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ควรจะดึงดูดเงินทุนไหลกลับเข้าสู่สหรัฐ และทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะอาจผลักดันอัตราเงินเฟ้อในประเทศให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยและส่งเสริมให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจนถึงเดือนมกราคมปีนี้ ดัชนีดอลลาร์เคยพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 110
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์มีการปรับเปลี่ยนหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่การทำสงครามการค้ากับจีน ค่อย ๆ ขยายไปยังประเทศพันธมิตรของสหรัฐ เช่น แคนาดาและเม็กซิโก จนขณะนี้ขยายไปถึงระดับทั่วโลก และล่าสุด ข้าวของญี่ปุ่นก็ถูกนำเข้ามาอยู่ในขอบข่ายการเก็บภาษีเพิ่มเติมด้วย นโยบายที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ นี้ได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้ตลาด
ข่าวเกี่ยวกับการ “ชะลอ”, “ตอบโต้” และ “ขึ้นภาษีอีก” ที่สลับกันไปมา ทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดสั่นคลอน จากความคาดหวังในเชิงบวกช่วงแรก ๆ กลับกลายเป็นความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนเริ่มเกรงว่าการทำสงครามภาษีนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจจะผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย นำไปสู่การไหลออกของเงินทุนจากตลาดหุ้นสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ เมื่อมุมมองของตลาดเริ่มคาดว่าการท้าทายทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจมีมากขึ้น ความคาดการณ์จำนวนครั้งในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐก็เพิ่มขึ้น จากตอนต้นปีที่คาดว่าจะลดหนึ่งครั้ง กลายเป็นสามครั้ง โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน กันยายน และธันวาคม ซึ่งยิ่งเป็นการกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้ลดลงมากขึ้น
Deepseek เปลี่ยนมุมมองของตลาดต่อสินทรัพย์ในจีน
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีศุลกากรแล้ว การปรากฏตัวของ Deepseek ก็เป็นจุดสว่างอันโดดเด่นของตลาดในปีนี้ ความสำเร็จของ Deepseek ทำให้ตลาดหันมาทบทวนศักยภาพของเทคโนโลยี AI อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ไม่ได้ใช้เงินลงทุนมหาศาล จีนก็สามารถผลักดันบริษัทเทคโนโลยีให้ก้าวขึ้นมาแข่งขันในเวที AI ระดับโลกได้ ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้กระแสเงินทุนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจเทคโนโลยีและบริษัทจีนมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI
แม้ว่านโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อจีนอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าจีนในตลาดสหรัฐลดลง ในทางทฤษฎีจึงอาจต้องอาศัยอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนมาเป็นเครื่องมือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้า อย่างไรก็ตาม ด้วยการเติบโตของ Deepseek ตลาดจึงเริ่มมองอนาคตทางเทคโนโลยีของจีนในแง่บวกมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น แม้ว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ สถานการณ์การค้าทั่วโลกจะยังไม่ชัดเจน แต่เงินหยวนก็สามารถปรับตัวแข็งค่าขึ้นสวนทางตลาด
ดัชนีดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงต่อ
ในเชิงเทคนิค ดัชนีดอลลาร์มีโอกาสดีดตัวจากระดับ 103.20–103.40 ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่หากดัชนีดีดตัวได้ไม่แข็งแกร่งพอ ก็อาจปรับตัวลงต่อ โดยมีเป้าหมายที่บริเวณ 101.90–102.20 และอาจจะถึงจุดจิตวิทยาที่ระดับ 100
เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง อัตราแลกเปลี่ยน USD/CNH ซึ่งเกิดรูปแบบ “Double Top” หรือรูปทรง “สองยอด” จะส่งผลให้จุดสูงสุดค่อย ๆ ลดลง ในระยะสั้นมีโอกาสที่ค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นจนเข้าใกล้ระดับ 7.2
*ที่มาของรูปภาพ: กราฟแท่งรายวันดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USDInd, D1)
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน